“กวาวเครือขาว” (Pueraria Mirifica) สมุนไพรสำหรับสตรีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในตำราแพทย์แผนไทย ปัจจุบันถูกนำมาสกัดเป็นยาแผนโบราณ ซึ่งมีสรรพคุณบำรุงร่างกายที่ให้ผลลัพธ์อย่างชัดเจน เหมาะต่อการเป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อใช้แทนยาแผนปัจจุบันบางโรคได้
กวาวเครือขาว หรือที่เรียกตามภาษาพื้นบ้านว่า ทองเครือ หรือตานจอมทอง มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Pueraria candollei Graham ex Benth.var mirifica
กวาวเครือขาว เป็นพืชไม้เลื้อยตระกูลถั่วชนิดไม่มีลำต้น มีหัวอยู่ใต้ดิน ลักษณะกลม โดยหัวจะมีขนาดใหญ่ตามอายุ เปลือกมียางสีขาว เนื้อสีขาวคล้ายมันแกว หัวอ่อนจะมีเนื้อละเอียด ฉ่ำน้ำ เมื่อแก่ เนื้อของกวาวเครือขาวจะเปราะและมีเส้นมาก
สรรพคุณของกวาวเครือขาว
-
บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ช่วยลดเลือนริ้วรอย บำรุงร่างกายพร้อมกับชะลอความเสื่อมของร่างกายทั้งผิวหน้า และผิวกาย
-
ช่วยขยายทรวงอก ทำให้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้น ช่วยแก้ไม่ให้ทรวงอกหย่อนคล้อย แต่ทำให้กลับมาเต่งตึง
-
บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมและป้องกันไม่ให้ผมหงอก ทำให้ผมดกดำ และเพิ่มปริมาณเส้นผม
-
ลดความมันบนใบหน้า ช่วยไม่ให้เป็นสิว ลดฝ้าและกระ รวมทั้งลดริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้ผิวหน้าไม่หยาบกร้าน
-
ทำให้หลับง่าย แก้อาการอ่อนเพลีย ไม่เหนื่อย ลดอาการเมื่อยของร่างกาย
-
ช่วยให้เจริญอาหาร ทำให้อาหารมีรสชาติอร่อย ช่วยให้ผู้ที่ผอมแห้งแรงน้อยมีความสมบูรณ์มากขึ้น
-
บำรุงเลือด ช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานดีขึ้น
-
ทดแทนฮอร์โมนในสตรีวัยทอง รักษาอาการหมดประจำเดือนในวัยหลังหมดประจำเดือน ช่วยให้ช่องคลอดไม่แห้ง ลดอาการร้อนวูบวาบ และแก้ปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติในหญิงวัยเจริญพันธุ์
-
เป็นยาอายุวัฒนะ สำหรับเพศชายจะช่วยให้กระชุ่มกระชวย ร่างกายแข็งแรง
-
ช่วยเพิ่มมวลกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน เพิ่มจำนวนกระดูกเนื้อโปร่ง (Trabecular number และเพิ่มพื้นที่ผิวของเซลล์กระดูก ทำให้สร้างและซ่อมแซมกระดูกได้มากขึ้น
-
ช่วยลดอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย
ข้อควรระวังการใช้กวาวเครือขาว
-
ไม่ควรใช้กวาวเครือขาวกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี คุณแม่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง เนื้องอก ต่อมไทรอยด์โต ซีสต์ โรคที่เกี่ยวกับมดลูกและรังไข่ รวมทั้งผู้ที่ดื่มสุราหรือเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งตับ และผู้ที่มีอาการม้ามโต
-
ควรรับประทานกวาวเครือขาวในปริมาณที่กำหนด และไม่รับประทานติดต่อกันนานเกิน 6 เดือน เพราะอาจทำให้เยื่อหุ้มอัณฑะหนา หรือเต้านมแข็งเป็นก้อน ทำให้มีอาการม้ามโต อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจหรืออาการท้องอืดได้