ขิง สรรพคุณและข้อควรระวัง

ขิงจัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้าน เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกายของเรา เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเส้นใยจำนวนมากอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของขิงนั้น เราสามารถนำมาใช้ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น และผลก็ได้ทั้งนั้น

 

สรรพคุณขิง สารพัดประโยชน์

  • ขิงสรรพคุณลดอาการท้องอืด ช่วยขับลม โดยให้กินขิงสดหรือดื่มน้ำขิงก่อนนอนจะช่วยบรรเทาอาการได้

  • บรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ เพราะขิงจะไปช่วยยับยั้งฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการอักเสบ ดื่มน้ำขิงหรือขิงผงเป็นประจำอาการจะบรรเทาลง

  • แก้หวัด แก้ไอได้เป็นอย่างดี การทานขิงสดจะช่วยลดการสะสมของเชื้อไวรัสได้ดีกว่าขิงแห้ง ทานได้โดยการเอาขิงสดผสมน้ำมะนาวและเกลือ จิบบ่อย ๆ ช่วยแก้ไอได้ดีทีเดียว

  • ลดอาการปวดประจำเดือนได้ เพียงแค่ทานสารสกัดจากขิงหรือจิบน้ำขิงร้อน ๆ วันละ 3-4 ครั้งในช่วงที่เป็นประจำเดือน

  • แก้อาการเมารถ เมาเรือ คลื่นไส้อาเจียนหลังการผ่าตัด หากมีอาการสามารถกินขิงอบแห้งหรือน้ำขิงเพื่อบรรเทาอาการ

  • บรรเทาอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี โดยการดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ

  • มีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เนื่องจากขิงอาจไปทำปฏิกิริยาของยาที่ทานได้

  • นำขิงแก่สด 2-3 แง่ง มาทุบให้ละเอียด ต้มในน้ำเดือด นำมาจิบจะช่วยแก้อาการกรดไหลย้อน แต่ไม่ควรทานเกิน 4 กรัมต่อวัน อาจจำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบได้

  • แก้อาการร้อนใน ใช้ลำต้นสด ๆ นำมาทุบให้แหลกประมาณ 1 กำมือ นำมาต้มดื่ม

  • ชะลอความแก่และชะลอการเกิดริ้วรอย เพราะขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก

  • ไอน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยให้หายใจสะดวกมากขึ้นในช่วงที่เป็นหวัดคัดจมูก

  • มีสรรพคุณลดอาการเจ็บที่เกิดจากโรคข้อเสื่อม ลดอาการเจ็บขณะยืน อาการเจ็บหลัง

  • ดื่มน้ำขิงหลังอาหารอาจช่วยลดน้ำหนัก เร่งการเผาผลาญ และลดความอยากอาหารลง หรือดื่มน้ำขิงก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบาย

  • แก้ปัญหาผมร่วง โดยนำเหง้าขิงสดนำมาตำให้แหลก จากนั้นนำมาพอกบริเวณที่มีผมขาดร่วงวันละ 2 ครั้ง จนกว่าอาการจะดีขึ้น

  • ลดโอกาสการเกิดความดันโลหิตสูง เพราะขิงมีโซเดียมต่ำ

 

ข้อควรระมัดระวัง

  • การใช้ระยะยาว ควรระวังการใช้ร่วมกับยาในกลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant) และยาละลายลิ่มเลือด (antiplatelet) เนื่องจากอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าและทำให้เลือดไหลหยุดยาก

  • ระวังการใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการจับตัวของเกล็ดเลือด

  • ระวังการใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหานิ่วในถุงน้ำดี ยกเว้นภายใต้การดูแลของแพทย์

  • ไม่แนะนำให้รับประทานในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี

  • เนื่องจากขิงมีรสเผ็ด มีคุณสมบัติอุ่น จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีความร้อนภายในร่างกายอยู่แล้ว เช่นผู้เหงื่อออกมาก เหงื่อออกเวลากลางคืน ตาแดง ถ้าจะรับประทานควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

ดังนั้นจึงไม่ควรหวังพึ่งสรรพคุณของ ‘ขิง’ เพียงอย่างเดียว หรือดื่มมากเกินพอดี แต่ควรปรับพฤติกรรมอย่างอื่นเพื่อดูแลสุขภาพร่วมด้วย โดยเฉพาะการออกกำลังกายและรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ จึงจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมรับมือโรคภัยหากเจ็บไข้ได้ป่วย