มะรุม เป็นไม้ผลัดใบที่เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่เขตร้อนรวมถึงประเทศไทย ด้วยคุณค่าทางโภชนาการจึงมีการนำส่วนใบ ดอก และฝักอ่อนของมะรุมไปประกอบอาหารหรือรับประทานแบบสดก็ได้ สำหรับส่วนอื่น ๆ เช่น ราก เปลือก น้ำยาง ได้มีการนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการแพทย์แผนโบราณโดยเฉพาะในแถบเอเชียใต้
ใบมะรุมเป็นแหล่งของวิตามินและเกลือแร่นานาชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งใบมะรุม 21 กรัม จะอุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ ดังนี้
-
โปรตีน 2 กรัม
-
วิตามินบี 6 19 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน
-
วิตามินซี 12 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน
-
วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) 11 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน
-
ธาตุเหล็ก 11 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน
-
วิตามินเอ จากเบต้าแคโรทีน 9 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน
-
แมกนีเซียม 8 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน
ฝักของมะรุมถึงแม้จะมีวิตามินน้อยกว่าใบมะรุม แต่ฝักมะรุมสด 100 กรัม ประกอบไปด้วยวิตามินซีสูงถึง 157 เปอร์เซ็นต์ของวิตามินซีที่ควรได้รับในหนึ่งวัน และมะรุมยังมีคุณสมบัติต้านอนุมุลอิสระที่อาจช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเซลล์ในร่างกาย โดยมีคำกล่าวอ้างว่าส่วนต่าง ๆ ของมะรุมมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น รักษาอาการอักเสบ รักษาโรคลมชัก ลดความดันโลหิต บรรเทาอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ หรือมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ นอกจากนี้ ยังมีการนำมะรุมมาใช้เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดระดับไขมันในเลือด หรือนำมาใช้เป็นยาทาในการฆ่าเชื้อโรค รักษาอาการติดเชื้อทางผิวหนัง น้ำกัดเท้า รังแค โรคเหงือก รวมทั้งบาดแผลตามร่างกาย
ประโยชน์ดีๆ จาก “มะรุม”
-
มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส
-
เสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย
-
ลดไขมัน และคอเลสเตอรอล
-
รักษาโรคโลหิตจาง
-
บำรุงหัวใจ
-
ลดน้ำตาล เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
-
ช่วยลดไข้ แก้หวัด
-
บรรเทาอาการไอ